10 อันดับพันธ์ุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุไม้ไทย หายาก-ราคาแพง

1.ว่านเพชรหึง เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสูงได้ถึง 3 เมตร มีดอกสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อนและมีจุดสีน้ำตาล ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีความสูงเป็นเมตรจะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบอายุประมาณ 10 ปี มีขนาดสูง 1 เมตร อาจมีราคาถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นกอขนาดเล็กประมาณ 300-400 บาท 
นอกจากราคาจะแพงไม่พอ ว่านเพชรหึงยังขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งต้องใช้เวลาเจริญเติบโตและให้ดอกปีละครั้งเท่านั้น สามารถอยู่ได้นานถึง 3 เดือนกว่าดอกจะร่วงโรย ด้วยความที่ดอกมีขนาดใหญ่และสวยงามมากจึงเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบกล้วยไม้ ว่านเพชรหึงพบมากในพื้นที่ภาคใต้ เช่น จังหวัดชุมพร, ระนอง และในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งล้วนมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามพื้นที่ที่ปลูก 

“ว่านเพชรหึงที่พิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร เราปลูกมาเกือบ 20 ปีแล้ว ขนาดสูงประมาณ 200 ซม. ถือว่าโตช้ากว่าพืชอีกหลายชนิดในตระกูลเดียวกันและขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งแล้วแต่เทคนิคในการขยายพันธุ์ เนื่องจากว่านชนิดนี้ใช้การขยายพันธุ์แบบแยกกออย่างเดียว หรือไม่ก็มีวิธีการเอาเมล็ดไปเพาะพันธุ์เนื้อเยื่อเพื่อให้ได้ต้นขึ้นมา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรบ้างเพราะส่วนใหญ่ทำได้ยาก”





2.รองเท้านารีเหลืองกาญจน์ เป็นพืชกล้วยไม้ที่หายากในธรรมชาติ มีดอกสีเหลืองสวยงามซึ่งอยู่ในบัญชีพืชการค้าของกรมวิชาการเกษตร ถ้าใครลักลอบเอาออกมาก็จะมีความผิดทางกฎหมาย ยกเว้นกล้วยไม้บางชนิดที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงในสถานที่เพาะเลี้ยง และขึ้นบัญชีสถานเพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นการรับรองว่าไม่ได้เอาออกมาจากป่าโดยตรง พบมากในจังหวัดกาญจนบุรี และมีคนเคยบอกว่าสามารถพบได้ในภาคเหนืออีกด้วย แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะมีคนลักลอบเอาออกมาขาย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 400 บาท เป็นต้นไป

3.เอื้องเขาพระวิหาร เป็นกล้วยไม้ให้ดอกสวย ต้องการแสงแดดน้อย ชอบขึ้นอยู่ตามหินหน้าผา ซอกหิน หรือท่อนซุง จะเติบโตอยู่ส่วนล่างๆของต้นไม้ที่เกาะอยู่ ได้รับอาหารจากซากอินทรียวัตถุ เช่นใบไม้ที่ร่วงและที่ทับถม ผุพัง รวมทั้งซากแมลงที่หล่นและน้ำฝนที่ชะล้างมาบริเวณโคนต้นกล้วยไม้ รากกล้วยไม้อากาศชอบการถ่ายเทอากาศและการระบายน้ำที่ดี




ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดสภาพแวดล้อมในการปลูกให้ใกล้เคียงกับสิ่งแวดล้อมจากต้นกำเนิดของกล้วยไม้ชนิดนี้ซึ่งมีอยู่ที่เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ราคาขายอยู่ระหว่าง 200-300 บาท

4.ปรงทะเล เป็นไม้กอพุ่ม มีใบเรียงยาวถี่ๆ สีเขียวเข้ม ใบอ่อนสีแดงสวยงาม ปลูกเป็นไม้ประดับ ขนาดใหญ่ สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ต้นคล้ายพวกปาล์ม ถิ่นกำเนิด ริมทะเลแปซิฟิก เจริญเติบโตช้า ชอบแดด ต้องการน้ำปานกลาง ชอบขึ้นที่ดินที่เป็นทรายหรือตามซอกหิน พบมากในบริเวณเกาะหรือทางภาคใต้ที่ไม่ใช่พื้นที่ของเกาะก็จะกระจายพันธุ์อยู่แถวนั้นเช่นกัน คนมักจะเอามาปลูกเพราะกอสวย แต่โตช้า ขนาดหัวเล็กมีราคาอยู่ระหว่าง 100-500 บาท ถ้าขนาดสูง 1 เมตร จะมีราคา6,000 บาท (ประมาณ 10 ปี)




5.เฟิร์นต้น เป็นพืชที่มีขนาดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง อาจสูงเท่าตึก 2-3 ชั้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่โรงเรือนส่วนตัวหรือมีบริเวณบ้านที่สามารถปลูกได้ พบหลากหลายสายพันธุ์ในประเทศไทย ซึ่งลำต้นขนาดใหญ่มีราคาแพงกว่า 3,000 บาทขึ้นไป

6.ปาล์มบังสูรย์ เป็นพืชปาล์มที่มีคนชอบและนิยมปลูกกันมาก เพราะตัวใบมีลักษณะสวยงามแตกต่างจากปาล์มชนิดอื่น มีรอยจีบของใบที่มีขนาดใหญ่สีเขียวสด จึงนิยมนำมาเป็นไม้ประดับ โดยปลูกไว้ในกระถางขนาดใหญ่หรือปลูกประดับลงสวนตามที่ร่มรำไร พบทางภาคใต้ของไทย เช่น จังหวัดนราธิวาส, ยะลา เป็นปาล์มที่คนไทยเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้ จึงเป็นปาล์มประดับชนิดหนึ่งที่มีราคาสูงมาก ตั้งแต่ 2,500-10,000บาท (300 บาท/นิ้ว วัดความกว้างสุดของใบ)


7.เฟิร์นเขากวางตั้ง เป็นเฟิร์นที่สวยงามแปลกตา มีลักษณะคล้ายเขากวาง อีกทั้งเป็นเฟิร์นหายากในป่าธรรมชาติ ในไทยพบทางภาคใต้ที่จังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นราธิวาส และยะลา เลี้ยงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก ไม่ชอบน้ำชุ่มแฉะ ราคาเริ่มต้นประมาณ 500-600 บาท

8.จันทน์ผา เป็นไม้ประดับที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย โดยเฉพาะตามป่าเขาหรือภูเขาหินปูน สูงประมาณ 5 - 7 ฟุต ลำต้นมีความแข็งแกร่งมาก การแตกใบจะแตกออกบริเวณยอด ใบสีเขียวเข้ม เป็นรูปหอก ใบเรียวและยาว นิยมปลูกประดับไว้ตามสนามหญ้าหรือใช้ตกแต่งร่วมกับสวนหิน ราคาต้นเล็ก 300 บาท ถ้าสูง 5-6 เมตร มีราคาถึง 30,000 บาท

9.พลับพลึงธาร เป็นพืชถิ่นเดียวในประเทศไทยที่เอามาปลูกเป็นพันธุ์ไม้น้ำ มีทั้งพันธุ์ทั่วไปและพันธุ์ป่า มีดอกสีขาว กลิ่นหอม ซึ่งถือว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ สามารถพบเฉพาะที่จังหวัดพังงาตอนบน และระนองตอนล่างของประทศไทยเท่านั้น ราคาขายหัวเล็กไม่แพงมากนัก ประมาณ 100 บาทขึ้นไป

10.หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นพืชกินแมลงประเภทหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจ ในการเพาะเลี้ยงอันดับต้นๆ เนื่องจากเราสามารถพบเห็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงได้ไม่ยากนักซึ่งมีอยู่ประมาณ 90 กว่าชนิดทั่วโลก ปัจจุบันได้มีการผสมเกสรหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งทำให้เกิดหม้อข้าวหม้อแกงลิงลูกผสมใหม่ๆ ที่หลากหลาย มีสีสันสวยงาม และลักษณะแปลกๆ อยู่เสมอ ในประเทศไทยพบมากที่จังหวัดอุบลราชธานี, นราธิวาส, สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ราคาก็ไม่แพงมาก เริ่มต้นที่ 100 บาทเท่านั้น





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น